วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หนังใหญ่วัดขนอน

หนังใหญ่วัดขนอน

วัดขนอน มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการอนุรักษ์หนังใหญ่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทางวัดได้ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ในการนำหนังใหญ่ วัดขนอนไปแสดงเผยแพร่ยังที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง ในปี พ.ศ.2532 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีองค์อุปถัมภกมรดกไทยทรงเห็นคุณค่าในการแสดง และศิลปะหนัง ใหญ่ทรงมีพระราชดำริให้ทางวัด ช่วยอนุรักษ์หนังใหญ่ทั้ง 313 ตัว และจัดทำหนังใหญ่ชุดใหม่ขึ้น แสดงแทน โดยมีมหาวิทยาลัยศิลปากรรับผิดชอบงานช่างจัดทำ หนังใหญ่ทั้งหมด ได้นำหนังใหญ่ชุดใหม่ที่สร้างนี้ ทูลเกล้าถวาย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2538 ณ โรงละครแห่งชาติ และทรง พระราชทานให้ทางวัดขนอน นำมาใช้ ในการแสดงต่อไป ปัจจุบันทางวัดได้จัดพิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ เปิดให้ประชาชนและผู้สนใจ เข้าร่วมชมศึกษา พร้อมทั้งการสาธิตการแสดงหนังใหญ่ ตลอดจนการฝึกเยาวชนให้เรียนรู้และสืบทอด ศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้ครบทุกกระบวนการ เพื่อสนองโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จ พระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีสืบต่อไป

หนังใหญ่วัดขนอน ได้มีการสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ผู้ริเริ่มในการแกะสลัก ตัวหนังคือ ท่านพระครูศรัทธาสุนทร (หลวงปู่กล่อม) เกิดปีวอก พ.ศ.2391 มรณภาพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2485รวมอายุได้ 95 ปี ท่านมี ความคิดที่จะสร้างหนังใหญ่ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จึงได้ชักชวนครูอั๋ง ช่างจาด ช่างจ๊ะ และช่างพ่วง มาร่วมกันสร้างชุดแรก ที่สร้างคือ ชุดหนุมานถวายแหวน ต่อมาได้สร้างเพิ่มอีกรวม 9 ชุด ปัจจุบันมีตัวหนัง 313 ตัว นับเป็นสมบัติวัดที่ได้ร่วมรักษา สืบทอดกันมาเป็นเพียงวัดเดียวที่มีมหรสพเป็นของวัด มีตัวหนัง และคณะหนัง

ต่อมาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมของยูเนสโกประกาศให้ "การสืบทอดและฟื้นฟูหนังใหญ่วัดขนอน" ได้รับรางวัลจาก องค์กรการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) และได้ รับการ ยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรม โดยเมือวันที่ 8-11 มิถุนายน 2550 องค์กร ACCU (Asia - Pacific Cultural Centre for UNESCO) ได้จัด มอบเหรียญรางวัล เกียรติบัตรและการสัมนาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ระหว่างผู้แทนชุมชนต่าง ๆ ที่ได้ รับรางวัล และบรรดาผู้เชี่ยว ชาญทางวัฒนธรรมและคณะกรรมการของยูเนสโก ณ โรงแรมโตเกียวไดอิชิ เมืองซึรุโอกะ จังหวัดยามากาตะ ประเทศญี่ปุ่น
ประวัติความเป็นของหนังใหญ่วัดขนอน

มหรสพที่เก่าแก่ของไทยนี้ กล่าวกันว่ามีมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่หลักฐานการแสดงหนังใหญ่เริ่มมีสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยของ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) นับเป็นมหารสพที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยใน สมัยรัตนโกสินทร์ปรากฏหลักฐาน ในการแสดงหนังใหญ่ ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1) ว่าทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา เพื่อใช้ แสดงเพิ่มขึ้นจากเรื่องรามเกียรติ์สมัยสมเด็จพระพุทธเลิศ หล้านภาลัย (ร.2) มีหลักฐานการสร้างตัวหนังใหญ่และ บทวรรณคดีที่ใช้ใน เรื่องรามเกียรติ์ ใช้แสดงหนังใหญ่ชุด พระนครไหว ซึ่งต่อมาได้มีการนำมาเก็บไว้ ณ โรงละครแห่งชาติหลังเก่า แต่ถูกไฟไหม้ เกือบหมด สมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) พบการทำหนังใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ หนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ จ.สิงห์บุรีและ หนังใหญ่วัดขนอนจ.ราชบุรีหนังใหญ่จึงถือได้ว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นการ แสดงชั้นสูงเป็น การแสดงที่รวมศิลปะที่ทรงคุณค่าหลายแขนง ได้แก่ ด้านศิลปะการออกแบบลวดลายไทยเชิง จิตรกรรมที่มีความวิจิตรบรรจง ผสมกับฝีมือช่างแกะสลักที่ประณีต เมื่อแสดงก็จะมีการนำศิลปะ ทางนาฏศิลป์ การละคร ที่เคลื่อนไหวได้อารมณ์ตามเนื้อ เรื่อง ประกอบกับบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้อง ดนตรีปี่พาทย์ทำให้ เกิดความเข้าใจในเเรื่องราวและให้อถรรถรสทาง ศิลปะแก่ผู้ชมได้ อย่างสมบูรณ์การแสดงหนังใหญ่จึงมีคุณค่า ทางศิลปะสูงและแสดงถึงอัจฉริยภาพของบรรพบุรุษไทยได้เป็นอย่างดี

พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน
ลักษณะเป็นเรือนไทย เก็บรักษาหนังใหญ่ทั้ง 313 ตัว ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นตัวละครเรื่องรามเกียรติ์ ชุดหนุมานถวายแหวน ชุดสหัสสกุมาร และเผากรุงลงกา และชุดศึกอินทรชิตครั้งที่ 1 รวมทั้งจัดนิทรรศการ แสดง ประวัติความเป็นมา การแกะสลักตัวหนังใหญ่ และการแสดงเชิดหนังใหญ่ทุกวันเสาร์ เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 17.30 น.เปิดให้ชมการแสดง

รายละเอียดเพิ่มเติม
หนังใหญ่ ณ โรงแสดงหนังใหญ่วัดขนอน ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. -11.00 น. งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน จัดในวันที่ 13.14 เมษายน ของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.032-233386 มือถือ 081 753 1230 โทรสาร. 032 354 272

การเดินทางไปวัดขนอน

1.รถยนต์ส่วนตัว
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่ จะไปจ.กาญจนบุรี ผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไป ยังจ.ราชบุรี(ไม่ต้องขึ้น สะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขา ช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ขับเข้าไปอีกประมาณ 2.5 กม.จะพบวัดขนอนติดถนนทางด้านขวามือ
2.รถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทโพธารามทัวร์ จำกัด ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.30-19.30 น. อัตราค่าโดยสารคนละ 55 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 435 5036

                                                                          ขอบคุณคะ
                                                                          ชัญญากัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น