วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ

การก่อสร้าง

โดมปรมาณูเดิมก่อสร้างเป็น ศูนย์การประชุมพาณิชยกรรมแห่งฮิโระชิมะ (ญี่ปุ่น: 広島県物産陳列館) เพื่อพัฒนาการตลาดของผลิตภัณฑ์ของเมืองฮิโระชิมะ ซึ่งเป็นเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในฐานะเมืองสงคราม เพราะเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการในสมัยสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง

จังหวัดฮิโระชิมะอนุมัติการก่อสร้างใน พ.ศ. 2453 และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2457 ตัวอาคารเดิมออกแบบโดยสถาปนิกชาวเชกชื่อว่า Jan Letzel สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2458 เปิดใช้งานในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2464 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์จัดแสดงสินค้าแห่งฮิโระชิมะ (ญี่ปุ่น: 広島県商品陳列所) และในปี พ.ศ. 2476 เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ศูนย์ประชาสัมพันธ์เชิงอุตสาหกรรมแห่งฮิโระชิมะ (ญี่ปุ่น: 広島県産業奨励館) ภายในศูนย์แห่งนี้มีการแสดงและวางขายสินค้าที่ผลิตในฮิโระชิมะ รวมทั้งแสดงงานศิลปะต่าง ๆ แต่เมื่อสงครามเริ่มทวีความรุนแรง การแสดงสินค้าก็ลดลงจนเลิกไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2487

ระเบิดปรมาณู
ในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เวลา 8 นาฬิกา 15 นาที ระเบิดปรมาณูลิตเติลบอยระเบิดห่างจากโดมปรมาณูทางทิศตะวันออก 150 เมตร และสูงเหนือพื้นดิน 580 เมตร สันนิษฐานว่า 1 วินาทีหลังจากที่ลิตเติลบอยระเบิดอาคารก็พังทลาย แม้ว่าส่วนอาคารทั้ง 3 ชั้นจะพังทลายเกือบทั้งหมด แต่ส่วนโดมตรงกลางและกำแพงโดยรอบกลับรอดมาได้ เพราะแรงระเบิดนั้นเกิดขึ้นเหนืออาคารพอดี คาดว่าเจ้าหน้าที่ประมาณ 30 คนที่อยู่ในอาคารเสียชีวิตทั้งหมด

การอนุรักษ์

อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะเมื่อปี พ.ศ. 2488
การฟื้นฟูฮิโระชิมะเริ่มขึ้นจากการสร้างอาคารชั่วคราวบนพื้นดินที่ราบเป็นหน้ากลอง ในระหว่างนั้น ซากโครงเหล็กรูปโดมของศูนย์ประชาสัมพันธ์เชิงอุตสาหกรรมก็เป็นที่เห็นเด่นชัดจนชาวเมืองพากันเรียกว่าโดมปรมาณู จนติดปาก

โดมปรมาณูกลายเป็นที่รู้จักในฐานะของสัญลักษณ์ความโหดร้ายของระเบิดปรมาณู แต่ชาวเมืองกลับอยากให้ทำลายทิ้ง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้นึกถึงความโหดร้ายของการทิ้งระเบิด จึงทำให้มีการถกเถียงกันว่าควรจะอนุรักษ์หรือทำลาย เทศบาลเมืองฮิโระชิมะในขณะนั้นไม่เห็นด้วยกับการอนุรักษ์ด้วยสาเหตุที่ว่าการอนุรักษ์ทำให้เกิดภาระทางการเงินมาก และต้องการใช้ทรัพยากรที่จำกัดไปในการฟื้นฟูเมืองมากกว่า แต่เมื่ออิจิโร คะวะโมะโตะ นักต่อสู้เพื่อสันติภาพ ได้อ่านข้อความว่า "ศูนย์ประชาสัมพันธ์เชิงอุตสาหกรรมที่น่าสงสารนั้นคงจะประกาศให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของระเบิดปรมาณูตลอดไป" ในอนุทินของฮิโระโกะ คะจิยะมะ เด็กสาวซึ่งเสียชีวิตใน พ.ศ. 2503 ด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาจึงเริ่มการรณรงค์ให้อนุรักษ์โดมประมาณูไว้ จนในพ.ศ. 2509 สภาเทศบาลเมืองฮิโระชิมะก็ลงความเห็นให้อนุรักษ์โดมปรมาณูไว้ตลอดไป ในการระดมทุนสำหรับการก่อสร้างเพื่อเก็บรักษาโดมปรมาณู สามารถรวบรวมเงินจากชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศและชาวต่างชาติทั่วโลกได้ถึง 66 ล้านเยน การซ่อมแซมครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2510 และเสร็จสิ้นในวันที่ 5 สิงหาคม ในปีเดียวกัน

20 ปีหลังจากการซ่อมแซมครั้งแรก เริ่มมีรอยร้าวบนกำแพงและการกัดกร่อนของโครงเหล็ก จึงต้องมีการซ่อมแซมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2532 ในครั้งนี้ได้รับเงินบริจาคถึงกว่า 395 ล้านเยน ซึ่งมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้เกือบ 4 เท่า เงินส่วนที่เหลือจากการซ่อมแซมนำมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อการอนุรักษ์โดมปรมาณู และมีการตรวจความแข็งแรงทุก ๆ 3 ปี

ขึ้นทะเบียนมรดกโลก
อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2539 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ตัวแทนจากจีนตั้งข้อสงสัยในการรับรองให้อนุสรณ์แห่งนี้เป็นมรดกโลก เพราะจีนเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่อนุสรณ์แห่งนี้อาจถูกนำไปใช้บิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อกล่าวร้ายศัตรูของญี่ปุ่น และตัวแทนจากสหรัฐอเมริกาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนอนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะเป็นมรดกโลก เพราะยังขาดมุมมองทางประวัติศาสตร์ แต่คณะกรรมการมรดกโลกก็ตัดสินให้อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะผ่านหลักเกณฑ์ทางวัฒนธรรม ข้อที่ว่า มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2539

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น