วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส

สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส
               1.ถ้าหากว่าสัตว์ประหลาดในทะเลสาบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนยงมาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์จริง มันต้องไม่ใช่สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส ถ้าจะมีสิ่งใดก็แล้วแต่ มันคือลูกหลานของสัตว์ประหลาดที่แพร่พันธุ์และรอดชีวิตอยู่ต่อมา
                2.มีรายงานการพบสิ่งที่อยู่ในล็อคเนสถึง10000ครั้ง แต่มีเพียง3000ครั้งเท่านั้นที่ได้รับการจดบันทึก มีภาพถ่ายประมาณ20ภาพและฟิล์มวิดีโอ25ม้วน ดูราวกับมีคำสาปไม่ให้ถ่ายภาพ ผู้พบเห็นหลายรายพบว่ากล้องเสียขึ้นมาปุบปับหรือไม่ก็กลายเป็นฟิล์มเปล่า เรดาร์สำรวจใต้น้ำ(โซนาร์)ตรวจพบแต่ฝูงปลาและความว่างเปล่า ภาพถ่ายใต้น้ำที่ถ่ายไว้เมื่อค.ศ.1975 ให้ภาพที่คาดว่าจะเป็นโลมาประเภทไดโนเสาร์น้ำที่เรียกว่าเพลซิโอซอร์ ซึ่งคิดกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อหลายล้านปีก่อน
 
                                                                       
3.ล็อคเนสเป็นแอ่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอังกฤษ กว้าง300เมตรและยาว35กิโลเมตร ขนาดอันใหญ่โตทำให้ยากแก่การสำรวจ รวมทั้งสีของน้ำก็มีส่วนด้วย น้ำพัดพาเอาถ่านหินชนิดร่วนลงมาจากภูเขาในแถบนั้น ทำให้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ในแง่หนึ่ง ล็อคเนสเป็นที่ที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของตัวประหลาด ทั้งนี้เพราะอุดมไปด้วยปลาแซลมอน ปลาเทราต์ และปลาไหล บางคนเชื่อว่าสัตว์ประหลาดหลบหนีการค้นหาใต้น้ำโดยแอบยู่ในน้ำลึก แต่ที่ล็อค
เนสไม่มีถ้ำใต้น้ำ ซึ่งได้รับการยืนยันโดยเครื่องสแกนเรดาร์ใต้น้ำ อย่างไรก็ดี พบว่ามีกระแสน้ำข้างใต้ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นนูนปรากฏให้เห็นแม้ในวันที่ลมสงบที่สุด ทำให้มักจะเข้าใจผิดกันว่าเป็นตะโหงกของสัตว์ประหลาด
                4.มีการบันทึกภาพที่ชัดเจนของสิ่งมีชีวิตลงในฟิล์มในราวทศวรรษที่1930โดยนายธนาคารชื่อคูรี่ แต่เขาปฏิเสธที่จะนำฟิล์มดังกล่าวมาแสดงจนกว่าสาธารณชนจะให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่มีผู้ใดเห็นฟิล์มนี้ และตั้งแต่เขาเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครพบมันเลย
                5.บริษัทผลิตวิสกี้เสนอรางวัลหนึ่งล้านปอนด์ให้แก่ผู้ที่สามารถจับสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสได้ เงินรางวัลนี้ยังอยู่ และถ้าหากเกิดมีคนจับสัตว์ประหลาดตัวจริงได้ มันคงทำเงินให้จำนวนหลายล้านปอนด์จากลิขสิทธิ์ทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์และหนังสือ
                6.ผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายรายงานตรงกัน นั่นแสดงว่าพวกเขาได้เห็นอะไรบางอย่างจริงๆ เขาเห็นพ้องต้องกันว่าสัตว์ประหลาดนั้นยาวประมาณ8ถึง12เมตร มีหนังหนาสีเข้ม และมีศีรษะขนาดเล็กอยู่ตรงปลายลำคอยาว แต่บางรายฟังก็ไม่น่าเชื่อถือ นายและนางสไปเซอร์เล่าเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นว่าได้เห็นสัตว์ประหลาดข้ามถนนผ่านหน้ารถของตนเมื่อ วันที่ 22 กรกฏาคม ค.ศ.1993 ในตอนแรก นายสไปเซอร์บอกว่ามันตัวยาว2เมตร แต่อีก3ปีต่อมา เขากลับบอกว่ามันอาจจะมีความยาว9เมตร
                7. บางคนไม่เชื่อว่าเนสซี่เป็นสิ่งมีชีวิตแต่เป็นยานอวกาศจากดาวศุกร์ บ้างก็เชื่อว่ามัรคือผีปีศาจสัตว์สมัยโบราณที่สิงอยู่ในทะเลสาบ ค.ศ.1973 สาธุคุณ ดี.โอมานด์ พยามยามทำพิธีปัดรังควานปีศาจตัวนี้
                8.นักวิทยาศาสตร์พยายามหาข้ออธิบายเรื่องสัตว์ประหลาดนี้ต่างๆนานา พวกเขาบอกว่าผู้เห็นเหตุการณ์คงจะพบนากขนาดใหญ่ ปลาไหลยักษ์ แมวน้ำ กวาง นกดำน้ำ ขอนไม้พุ ฝูงปลาขนาดใหญ่หรืออาจเป็นปลาวาฬ
                9. นิทานเก่าแก่เล่าว่ามีเกาะอยู่ในทะเลสาบแห่งหนึ่งหายไปในชั่วข้ามคืน บาทหลวงเกียจคร้านรูปหนึ่งที่มาจากเซนต์คัมมีนไม่ยอมไถพรวนดินที่อยู่ตรงข้ามกับโบสถ์ สัตว์ประหลาดตัวเป็นม้าจากทะเลสาบจึงพรวนดินแทนให้ จากนั้นก็พาบาทหลวงผู้นั้นหายไปด้วย ไอร์แลนด์ก็มีทะเลสาบมากมาย นิทานพื้นเมืองหลายเรื่องกล่าวถึงนักบุญที่ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เช่น เซนต์โมชัวแห่งบัลลาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในทะเลสาบคอนนอจ์ท หรือเซนต์แพทริคจับสัตว์ประหลาดขังไว้ในถังไม้ใบใหญ่ใบหนึ่ง เป็นต้น
                10. บริษัทสร้างภาพยนตร์มาที่ล็อคเนสในปี ค.ศ.1969เพื่อสร้างภาพยนตร์ที่มีตัวเนสซี่อยู่ด้วย มีการเช่าเรือดำน้ำลากจูงหุ่นตัวเนสซี่ ขณะที่เรือดำน้ำดำสำรวจทะเลสาบอยู่นั้น เครื่องโซนาร์ก็จับพบเป้าเคลื่อนที่ขนาดใหญ่กำลังตามมา หรือว่าตัวเนสซี่อยากมีเพื่อน!

ขอบคุณคะ
ชัญญากัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น