วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เยติ

เยติ


                1. เยติมักจะถูกเรียกขานว่า มนุษย์หิมะผู้น่ารังเกียจ เพราะพวกเขาอาศัยอยู่เหนือเส้นแนวหิมะของเทือกเขาหิมาลัย รายงานส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าพวกเขามีผิวสีน้ำตาล ไม่ใช่ผิวขาวอย่างมนุษย์หิมะ
                2. เยติเป็นคำภาษาทิเบตแปลว่า ผู้ท่องไปท่ามกลางภูเขาสูง
                3. หนังสือจีนที่เขียนขึ้นในช่วงทศวรรษที่1700 มีภาพของสัตว์ป่าแถบทิเบต ในนั้นมีภาพของสัตว์รูปร่างใหญ่มีขนและคล้ายมนุษย์รวมอยู่ด้วย ศีรษะมีขนปุกปุย ใหน้าขาวและมีนัยน์ตาสีแดงลึก แขนของมันห้อยยาวเกือบถึงเข่า
                4. มีการพบรอยเท้าเยติมากกว่าพบตัวจริง เป็นรอยเท้ากว้างมี5นิ้ว ซึ่งฝ่ายหนึ่งเห็นว่าอาจเป็นรอยค่าง แต่อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าคงเป็นรอยเท้าของหมีหิมะเหลือง

                                                             
                5. ภูเขาที่สูงที่สุดในโลกคือยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเยติ ผู้ที่พิชิตยอดเขาสำเร็จเป็นคนแรกคือ เซอร์เอ็ดมันด์ ฮิลลารี่ในปี ค.ศ. 1953 เจ็ดปีต่อมาเขากลับมาอีกครั้งในฐานะหัวหน้าทีมสำรวจเพื่อค้นหาเยติ แต่มีการพูดกันว่ามีหนังศีรษะของเยติเก็บไว้ในสำนักสงฆ์ทิเบต เซอร์เอ็ดมันด์นำกลับมาด้วย1ผืน จากการตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ หนังศีรษะกลับกลายเป็นหมวกของพระที่ทำจากหนังแกะ
                6. ไม่เคยมีการพบซากของสิ่งที่เหมือนซากอันครบถ้วนของเยติ แม้ว่าจะมีการพบชิ้นส่วนของมืออันแห้งกรังที่ปางโภช เนปาล ในทศวรรษที่1950ก็ตาม ชิ้นส่วนนี้ได้รับการอธิบายจากนักสัตววิทยาว่าเป็นอวัยวะของสิ่งทีเกือบคล้ายมนุษย์และมีความหมายเหมือนกับมนุษย์นีอันเดอร์ธัลในบางแห่ง
                7.ไม่มีรายงานว่าเยติจับตัวมนุษย์ไป แต่ทว่ามีรายงานถึงการหายไปที่อธิบายไม่ได้ ในรัฐสิกขิมแถบเทือกเขาหิมาลัยซึ่งไม่เคยมีการพบร่องรอยใดๆ นักสำรวจแร่ยูเรเนียม ชาวนอร์เวย์ แจน ฟรอสติส อ้างว่าในปี ค.ศ.1948 เขาถูกทำร้ายและถูกเยติทุบเข้าที่ไหล่ตรงบริเวณใกล้กับช่องเขาเซมูในสิกขิม
                8. มีเรื่องเล่าของชาวทิเบตว่าครั้งหนึ่งเยติตนหนึ่งขึ้นไปนอนบนหลังคากระท่อมของคนเลี้ยงจามรี(วัว)เพราะอยากผิงไฟอุ่น คนเลี้ยงสัตว์ทีเด็ดจึงนำมูลจามรีมาใส่กองไฟรมควันไล่เยติไป
                9.เซอร์ทาชิ ผู้นำศาสนาของทิเบต เคยเล่าว่าเยติจะมาพบกับท่านทุกๆวันที่29 ถ้าเยติผลักท่าน เซอร์ทาชิก็จะพูดเรียบๆว่าพอแล้ว แค่นั้นก็พอแล้ว แล้วเยติก็จะจากไป
                10. แม้ชาวทิเบตจะทราบเรื่องเกี่ยวกับเยติมานานหลายร้อยปีแล้วก็ตาม แต่คนภายนอกคนแรกที่ได้พบรอยเท้าเป็นหลักฐานคือนักสำรวจชาวอังกฤษ พันเอกวัดเดล ในปี ค.ศ.1889 บี.เอช.ฮอดจ์สันผู้สำเร็จราชการชาวอังกฤษคนแรกในเนปาล เล่าถึงสัตว์ประหลาดที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนว่า เดินตัวตรง มีขนยาวสีดำปกคลุม และไม่มีหาง

ขอบคุณคะ
ชัญญากัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น